
โอเล็กซานดร์ ซินเชนโก้ หรือ โอเล็กซานดร์ โวโลดีมีโรวิช ซินเชนโก้ (Oleksandr Volodymyrovych Zinchenko) เขาคือนักเตะในตำแหน่งกองกลาง เป็นดาวรุ่งสัญชาติยูเครน จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1996 ที่เมือง ราดอมมิช ประเทศยูเครน ซินเชนโก้ เป็นแข้งหนุ่มอนาคตไกลที่สามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งกองกลาง และ ปีกซ้าย มีทักษะการจ่ายบอลที่แม่นยำ อีกทั้งยังสามารถยิงทำประตูจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำอีกด้วย ถือว่าเป็นแข้งหนุ่มดาวรุ่งที่มีความครบเครื่องในด้านทักษะการเล่นบอล และน่าจับตามองเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
เส้นทางการค้าแข้งในระดับเยาวชนของ โอเล็กซานดร์ ซินเชนโก้
โอเล็กซานดร์ ซินเชนโก้ เริ่มต้นในวงการลูกหนังด้วยการเป็นเด็กฝึกในทีมเยาวชน จากโรงเรียน สปอริตเว่ คาร์ปาติย่า ราดอมมิช (Karpatiya Radomyshl) ในถิ่นฐานบ้านเกิดของเขาที่เมือง ราดอมมิช เมื่อปี 2004 ขณะที่เขาอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นในปี 2008 ตอนที่เขาอายุได้ 12 ปี ได้ย้ายไปยังสโมสร โมโนลิต อิลลิชิฟส์ (Monolit Illichivsk) และอยู่ที่นั่นได้เพียง 1 ปี จนกระทั่งในปี 2009 เขาได้ย้ายไปยังสโมสร ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก (Shakhtar Donetsk) สโมสรชื่อดังของประเทศยูเครน เขาเป็นเด็กฝึกที่นั่นนานถึง 5 ปี แต่ก็ไม่สามารถติดทีมชุดใหญ่ของ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ก ได้
หลังจากนั้น ซินเชนโก้ ได้ย้ายไปอยู่ที่ ประเทศรัสเซีย กับครอบครัว เนื่องจากเหตุการณ์สงครามดอนบาสที่ร้อนระอุอยู่ในขณะนั้น แม้สโมสรชัคตาร์ โดเน็ตส์ก จะต้องการตัวเขาให้กลับไปเล่นให้กับสโมสรก็ตาม แต่เขาก็ได้ปฏิเสธไป และในช่วงระยะเวลาที่ ซินเชนโก้ ได้หลีกเลี่ยงสงครามประมาณ 6 เดือน เขาได้ตัดสินใจไปทดสอบฝีเท้าที่ สโมสรรูบิน คาซาน สโมสรฟุตบอลอาชีพในรัสเซีย แต่ก็ไม่สามารถเซ็นสัญญาเข้าเป็นนักเตะได้ เนื่องจาก ซินเชนโก้ ยังมีสัญญาอยู่กับ สโมสรชัคตาร์ โดเน็ตส์ก อยู่
เส้นทางการค้าแข้งในระดับสโมสรอาชีพของ โอเล็กซานดร์ ซินเชนโก้
จนกระทั่งในปี 2015 สโมสรชัคตาร์ โดเน็ตส์ก ได้ยินยอมปล่อยตัว ซินเชนโก้ ให้กับ สโมสรอูฟา (Ufa) สโมสรใน พรีเมียร์ลีกรัสเซีย เขาได้ลงสนามแข่งขันให้กับ อูฟา ไปทั้งหมด 33 นัด ทำประตูไปได้ 2 ประตู ฟอร์มของเขาเริ่มเป็นที่จับตามองขึ้นเรื่อยๆจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป จน อันเดร เชฟเชนโก กุนซือของทีมชาติยูเครน อดีตนักเตะดาวดังของเชลซี ได้เรียกเขาไปติดทีมชาติชุดใหญ่ของ ยูเครน ในปี 2015 ขณะที่เขาอายุได้ 19 ปี และก็สามารถทำประตูให้กับทีมชาติชุดใหญ่ได้ กลายเป็นเขาได้สร้างสถิติใหม่เป็น นักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับทีมชาติยูเครน ได้ด้วยอายุเพียง 19 ปี 165 วัน โดยสามารถทำลายสถิติของตำนานนักเตะชาวยูเครนอย่าง อังเดร เชฟเชนโก้ ที่ทำไว้เมื่อปี 1996 ได้อีกด้วย

จากผลงานนี้ ทำให้ฟอร์มของ ซินเชนโก้ เป็นที่พอใจของ เปบ กวาร์ดิโอล่า กุนซือของ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปบ จึงได้ยอมทุ่มเงินควักกระเป๋าจ่ายเพื่อดึงตัว ซินเชนโก้ มาร่วม ทัพเรือใบสีฟ้า ในปี 2016 ด้วยค่าตัวกว่า 1.80 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 72 ล้านบาท จนเป็นที่ฮือฮาของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแฟนบอลทั่วเกาะอังกฤษว่า เด็กหนุ่มที่ เปบ คว้าตัวมา เขาเป็นใคร แต่สำหรับแฟนบอลรัสเซีย ซินเชนโก้ คือนักเตะมากพรสวรรค์คนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้น การที่เด็กหน้าใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษจะมาแย่งตำแหน่ง กองกลางตัวจริง ของทีมยักษ์ใหญ่ ที่มีนักเตะตัวท็อประดับแนวหน้าของโลก อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ , ดาวิด ซิลบา , อินคาย กุนโดกัน นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในช่วงแรกที่ ซินเชนโก้ จึงต้องถูกส่งตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ยัง สโมสรเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟ่น (PSV Eindhoven) สโมสรชื่อดังในลีกเนเธอร์แลนด์ ด้วยสัญญายืมตัวเป็นระยะเวลา 1 ฤดูกาล โดยเขามีโอกาสได้ลงเล่นให้กับทั้งทีมชุดใหญ่และทีมเยาวชน (Jong PSV) ของ เปเอสเฟ
จนกระทั่งปี 2017 ในฤดูกาล 2017-18 ซินเชนโก้ ได้กลับมาค้าแข้งให้กับถิ่นเอทิฮัด สเตเดี้ยม โดยได้ลงเล่นในรายการแรก คือ คาราบาว คัพ โดยได้ลงทำการแข่งขันจนครบ 120 นาที และได้ลงเล่นในเวที พรีเมียร์ลีก ช่วงเดือนธันวาคม ในปี 2017 โดยเขาได้ลงเล่นในตำแหน่ง แบ็คซ้าย แทน แบงฌาแมง แมนดี้ ที่บาดเจ็บเอ็นบริเวณหัวเข่าฉีกขาด และ ฟาเบียน เดลฟ์ ที่มีอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ซึ่ง ซินเชนโก้ เขาก็สามารถทำหน้าที่แทนสองนักเตะได้อย่างดีเยี่ยม แม้เจ้าตัวจะเล่นอยู่ในตำแหน่งกองกลางก็ตามที

ในภายหลังแม้ แบงฌาแมง แมนดี้ และ ฟาเบียน เดลฟ์ จะกลับมาลงเล่นในตำแหน่งตัวจริงแล้วก็ตาม แต่ ซินเชนโก้ ที่ทำหน้าที่ตัวสำรอง ก็สามารถทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีเยี่ยมทุกครั้งที่ได้รับเลือกให้ลงสนาม จนในปี 2019 สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทำการต่อสัญญากับ ซินเชนโก้ ออกไปจนถึงในปี 2024 แม้จะมีสโมสร ทีมดังจากหลายทีมสนใจในตัวเขาอย่างมากก็ตาม และในฤดูกาลล่าสุด 2020-21 ที่ผ่านมา ซินเชนโก้ ก็ได้เป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่พา ทัพเรือใบสีฟ้า เอาชนะ เปเอสเฌ ในรอบรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และได้ลงแข่งขันในตำแหน่งกองกลางตัวจริงในรอบชิงชนะเลิศกับ เชลซี แม้จะต้องพบกับความพ่ายแพ้ให้กับ สิงโตน้ำเงินคราม แต่ ซินเชนโก้ ก็ได้ฉายแววเก่งของเขาในสนามอย่างมาก

โอเล็กซานดร์ ซินเชนโก้ กับ ทีมชาติยูเครน
ในปี 2011 ขณะที่ ซินเชนโก้ มีอายุ 14 ปี เขาได้ถูกเรียกตัวให้ติดทีมชาติในชุดเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี (U-16) จากนั้นในอีก 3 ปี เขาได้ขยับรุ่นไปเล่นให้กับทีมชาติชุดเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี (U-17) , รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี (U-18) , รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี (U-19) และ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี (U-21) ตามลำดับ
จนในปี 2015 อันเดร เชฟเชนโก กุนซือของทีมชาติยูเครน ได้เรียกตัวเขาให้ติดทีมชาติยูเครนชุดใหญ่ และได้ทำลายสถิติของ เชฟเชนโก้ ลง กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่สามารถทำประตูให้กับทีมชาติยูเครนได้ด้วยวัยเพียง 19 ปี 165 วัน ในศึกฟุตบอลยูโร 2016 โดยหลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นนักเตะตัวหลักของ ทีมชาติยูเครน และมีผลงานที่โดดเด่นอย่างมาก จนในเดือนมีนาคม ปี 2021 ซินเชนโก้ ได้รับเลือกให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ทีมชาติยูเครน และสามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็น กัปตันทีมชาติยูเครนที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ของ ยูเครน ได้ด้วยอายุเพียง 24 ปี 98 วัน

รางวัลและเกียรติประวัติของ โอเล็กซานดร์ ซินเชนโก้
สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ฤดูกาล 2017-18 , ฤดูกาล 2018-19 , ฤดูกาล 2020-21
แชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2018-19
แชมป์ลีกคัพ (คาราบาว คัพ) ฤดูกาล 2017–18 , ฤดูกาล 2018–19 , ฤดูกาล 2019–20 , ฤดูกาล 2020–21
รางวัลส่วนตัว
นักฟุตบอลแห่งปีของประเทศยูเครน ในปี 2019
