
เมสัน โทนี่ เมานท์ (Mason Tony Mount) หรือ เมสัน เมานท์ เขาเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อและแม่มีความคิดที่แตกต่างกัน โดยแม่ต้องการที่จะให้เขามุ่งเน้นในด้านการเรียนหนังสือที่โรงเรียน เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ ส่วนพ่อ ซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอล ที่ไม่เคยไปไกลถึงบอลลีกเลยสักครั้ง ต้องการให้เขาเข้ามาสานต่อความฝันให้ โดย เมานท์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ในปี 1999 ในเมือง พอร์ตสมัท ประเทศอังกฤษ
ซึ่ง เมานท์ เขาไม่ทำให้ทั้งพ่อ และ แม่ผิดหวัง เนื่องจากเขาเป็นเด็กที่มีการแบ่งเวลาทั้งในการเรียน และเวลาในการฝึกซ้อมฟุตบอลได้อย่างเป็นอย่างดี และลงตัว เขาจึงเป็นเด็กที่ไม่มีความกดดัน จึงทำให้เขาเป็นเด็กที่อารมณ์ดีและร่าเริงอยู่เสมอ ทั้งนี้ เขายังเป็นเด็กที่เอาจริงเอาจัง เพราะเมื่อเขามีความคิดที่อยากจะฝึกซ้อมฟุตบอลให้จริงจังมากขึ้น เขาก็จะทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อการฝึกซ้อมอย่างตั้งใจ จึงทำให้เขาเป็นเด็กที่มีทักษะในการเล่นฟุตบอลที่ดีตั้งแต่อายุน้อยๆ
เส้นทางนักเตะในอคาเดมี่ของ เมสัน เมานท์
ในระยะแรกนั้น เมสัน เมานท์ ได้ลงแข่งขันฟุตบอลในรุ่นอายุไม่เกิน 6 ปี (U-6) ให้กับสโมสร บอร์ฮันต์ เอฟซี อคาเดมีเล็กๆระดับท้องถิ่น ด้วยวัยเพียง 4 ขวบ และเมื่อเขาฝึกฝนทักษะการเล่นฟุตบอลอย่างหนัก ส่งผลให้การเล่นของเขามีความโดดเด่น และฉายแววรุ่งเข้าตาแมวมองจากสโมสรใหญ่ๆ อาทิ สโมสรพอร์ทสมัท และ สโมสรเชลซี และในที่สุด เขาก็ได้ก้าวเข้าไปเป็นเด็กฝึกที่ อคาเดมีของสโมสรชื่อดังแห่งเมืองหลวงอย่าง เชลซี ได้สำเร็จในปี 2005 ด้วยวัยเพียง 6 ขวบเท่านั้น
หลังจากที่เขาได้ก้าวเขามาเป็นเด็กฝึกในอคาเดมีของ เชลซี เขาก็พบกับความกดดันอย่างมาก แต่เขาก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาฝีเท้าของเขาให้เทียบเท่ากับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ และมีความฝันที่จะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ให้ได้ในสักวันหนึ่ง โดยเขามักจะดักเข้าไปทักทายกับกัปตันทีมชุดใหญ่ในขณะนั้นอย่าง จอห์น เทอร์รี่ เป็นประจำ หากการฝึกซ้อมของทีมชุดใหญ่ และชุดเยาวชนตรงกัน ทั้งนี้ เขายังยึดแบบอย่างสไตล์การเล่นของ ดาวิด หลุยส์ กองหลังของทีมชุดใหญ่อีกด้วย และแน่นอนว่า จากความมุ่งมั่นตั้งใจนี้ เขาจึงเป็นนักเตะชุดเยาวชนที่ฉายแววเก่งอย่างมาก และได้เริ่มเล่นให้กับทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี (U-8) ของสโมสรเชลซี ในตำแหน่งกองกลางตัวรุก และในที่นี้นี่เองที่ เมสัน เมานท์ ได้เจอและเป็นเด็กฝึกร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ เพื่อนรักของเขา

จนเมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2014-15 เป็นฤดูกาลที่ เมสัน เมานท์ ที่มีชื่อติดทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และเป็นปีที่เขาได้แสดงผลงานอย่างโดดเด่น โดยเขาลงสนามไปทั้งหมด 7 นัด แม้จะได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เกมแรกที่เขาลงแข่ง แต่เขาก็มีร่างกายและจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยเขาสามารถเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำประตูในเกม เอฟเอ ยูธ คัพ ที่เอาชนะ ทัพปีศาจแดง มาได้ 5-1 และในเกมชิงชนะเลิศรายการ ยูฟ่า ยูธ ลีก เขาก็เป็นผู้ทำประตูชัยให้กับทีมไปถึง 2 ประตูด้วยกัน และสามารถเอาชนะคู่แข่งมาได้ด้วยสกอร์ 3-0
โดยหลังจากฤดูกาล 2014-15 ผลงานของเขากับทีมเยาวชนของสโมสร เชลซี ก็มีอย่างต่อเนื่อง โดยในฤดูกาล 2015-16 และในฤดูกาล 2016-17 เขาได้มีบทบาทพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ติดต่อกันถึงสองสมัยซ้อน และในฤดูกาล 2015-16 นั้น เขาก็ได้เป็นมิดฟิลด์กำลังหลักของทีม พาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูธ ลีก มาครองได้อีก1 แชมป์เพิ่มเติมอีกด้วย และเมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2016-17 เขาก็โชว์ฟอร์มเจ๋งออกสู่สายตาแฟนบอลอย่างต่อเนื่อง โดยเขาได้ลงแข่งขันไป 30 นัด และทำประตูไปได้ถึง 10 ประตูด้วยกัน และด้วยผลงานของเขาที่ดีวันดีคืนเช่นนี้ ทางสโมสรเชลซี จึงได้ทำการเซ็นสัญญาฉบับแรกกับเขา เขาเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่เป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งขณะนั้น เขามีอายุแค่เพียง 18 ปีเท่านั้น และเขาก็ได้ทำตามความฝัน ในการได้รับเลือกให้เล่นในทีมชุดใหญ่ได้อย่างสมความปรารถนา

เส้นทางนักเตะในทีมชุดใหญ่ของ เมสัน เมานท์
หลังจากที่ เมสัน เมานท์ ประสบความสำเร็จอย่างมากกับทีมเยาวชน และได้รับการเซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ ในฤดูกาล 2017-18 เขาได้ลงเล่นให้กับ สโมสรฟีเตสเซอ อาร์เนม ในสัญญายืมตัว ซึ่งเป็นสโมสรชื่อดังของ ลีกเอเรดิวิซี ลีกดังในฮอลแลนด์ โดย เมานท์ ได้ลงเล่นในตำแหน่ง เพลย์เมคเกอร์ เขาได้โชว์ฝีแข้งที่เฉียบคมยังลีกต่างแดน จนเป็นส่วนสำคัญทำให้ ฟีเตสเซอ อาร์เนม จบในอันดับที่ 6 ของตารางในเกมลีก และได้สิทธ์ไปแข่งขันในรายการ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบเพลย์ออฟ ได้อีกด้วย ซึ่ง เมานท์ สามารถสร้างผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขายิงไปถึง 14 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ จนได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำสโมสรฟีเตสเซอ อาร์เนม

หลังจากนั้น ฤดูกาล 2018-19 เมสัน เมานท์ ได้โดน สโมสรดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทำสัญญายืมตัวไปเป็นนักเตะในสังกัด โดยมี แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น ซึ่งเป็นแข้งรุ่นพี่จาก ทัพสิงห์บลู และรู้จักและเห็นแววรุ่งของ เมานท์ มาตั้งแต่เขายังค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่ง เมานท์ ก็ไม่ทำให้ แลมพาร์ด ผิดหวัง เขายังคงระเบิดฟอร์มได้ดี โดยลงเล่นไปทั้งหมด 38 นัด ทำประตูไปได้ 11 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ โดยเขาคือแข้งคนสำคัญที่พา ทัพแกะขาเหล็ก สามารถจบอันดับที่ 6 ในตาราง แชมเปี้ยนส์ ชิพ และได้เข้ารอบเพลย์ออฟ แข่งขันเพื่อลุ้นเลื่อนชั้นไปเล่นยัง พรีเมียร์ลีก ได้อีกด้วย แต่ก็น่าเสียดาย พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า ในรอบชิงชนะเลิศไป
จากผลงานของเขาที่ยอดเยี่ยม และโดดเด่นนี้ ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว ร่วมถึง แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่จาก ทัพแกะขาเหล็ก และอดีตนักเตะกองกลางในตำนานของ ทัพสิงโตน้ำเงินคราม ก็ได้บ่มเพาะ ฝึกฝน และคายวิชาความรู้ให้กับ เมานท์ ไว้อย่างมากมายอีกด้วย
การกลับสู่ เชลซี ในคราบ นิว แฟรงค์ แลมพาร์ด ของ เมสัน เมานท์
ในฤดูกาล 2019-20 เมสัน เมานท์ ได้กลับไปยังต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง เชลซี และด้วยประสบการณ์และความสามารถที่เขามี ทำให้ เมานท์ สามารถยึดพื้นที่ในตำแหน่งตัวจริงของทีมได้อย่างไม่มีข้อกังขา และในฤดูกาลนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ได้เข้ามาเป็น ผู้จัดการทีมคนใหม่ยังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกด้วย
จากการที่เคยได้ร่วมงาน และเห็นฝีเท้ากันมาแล้ว เมานท์ ได้รับความไว้ใจจาก แลมพาร์ด ให้ได้ลงเล่นในตำแหน่ง มิดฟิลด์กำลังหลักของทีม โดยมีกุนซืออดีตมิดฟิลด์ในตำนานคอยควบคุมเกมอยู่ที่ข้างสนาม ซึ่งจากเทคนิคในการเล่นเน้นเกมรุกของ เมานท์ ทำให้แฟนบอล และสื่อ ต่างยกย่องให้เขาได้รับฉายาว่า “นิว แฟรงค์ แลมพาร์ด” แม้จะยังทำผลงานไม่ได้อย่างโดดเด่นเท่าตอนย้ายไปเป็นตัวยืม แต่เขาก็ได้ระเบิดฟอร์มที่ร้อนแรงออกมาอย่างเต็มที่

และถึงแม้ผลงานของทีมจะไม่เป็นที่น่าพึงพอใจเท่าที่ควร แต่ สโมสรเชลซี ที่ในขณะนั้น ได้รวบรวมนักเตะดาวรุ่งจากการส่งไปให้ทีมอื่นยืมตัว กลับมาประจำการยังต้นสังกัด ก็สามารถเล่นเกมกันได้อย่างเข้าขากันอย่างมาก จึงทำให้ เชลซี เป็นทีมที่น่ากลัวในแง่ของ ทีมที่มีนักเตะดาวรุ่ง ฟอร์มแรง ที่กระหายในชัยชนะ ซึ่งในฤดูกาล 2019-20 ทัพสิงโตน้ำเงินคราม จบอันดับในตาราง พรีเมียร์ลีก ไปได้ด้วยตำแหน่ง TOP 4 ได้ตั๋วไปแข่งในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็ตกรอบในรายการ เอฟเอ คัพ ซึ่งพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ ทัพปืนใหญ่
โดยในฤดูกาล 2020-21 ชื่อของ เมสัน เมานท์ ก็ได้มีอิทธิพลต่อแฟนบอล และเพื่อนร่วมทีมอย่างมาก โดยเขาฝากผลงานไว้อย่างมากมายในฤดูกาลนี้ ทั้งการจบประตูเองอย่างสวยงาม และการผ่านบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทำให้ฤดูกาลนี้ เขาสามารถทำประตูรวมแอสซิสต์ไปได้ 21 ลูกด้วยกัน และจากผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้รับการโหวตจากแฟนบอลให้ได้รับรางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรเชลซี ประจำฤดูกาล 2020-21 อีกด้วย
จนถึงฤดูกาลในปัจจุบัน 2021-22 เขาก็ยังคงทำผลงานอย่างต่อเนื่อง และได้รับความไว้วางใจจาก โธมัส ทูเคิล ให้ได้ลงสนามเป็นนักเตะตัวหลักอย่างต่อเนื่อง และสามารถทำแฮตทริกเป็นครั้งแรกของเขาให้กับ เชลซี ได้อีกด้วย นอกจากนั้นเขายังสามารถทำประตูให้ทีมได้ถึง 4 นัดติดต่อกันได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งเมื่อเริ่มเข้าสู่ปี 2022 เขายังเป็นนักเตะกำลังหลักที่พาทีมคว้าแชมป์ในรายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือ ชิงแชมป์สโมสรโลก ไปครองเป็นสมัยแรกของ สโมสรเชลซี ได้อย่างสำเร็จอีกด้วย และในฤดูกาลที่เหลือนี้ ยังคงต้องจับตามองว่า มิดฟิลด์ดาวรุ่งกำลังหลักของทีมอย่าง เมสัน เมานท์ ผู้นี้ จะพาทีมคว้าแชมป์ใดๆเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ต่อไป
เมสัน เมานท์ กับ ทีมชาติอังกฤษ
เมสัน เมานท์ ได้รับเลือกให้ติด ทีมชาติอังกฤษ ในชุดเยาวชนตั้งแต่ รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี เรื่อยไปจนถึงใน รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2014-2018 ซึ่งในปี 2017 ขณะที่เขาสังกัดในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เขาเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ โดยเขามีส่วนร่วมในการทำแอสซิสต์ และสามารถคว้า รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า มาครองได้อีกด้วย ต่อมาในปี 2018 เมานท์ ได้รับการคัดเลือกให้ติด ทีมชาติอังกฤษในชุดใหญ่ ได้เป็นครั้งแรก

เกียรติประวัติ และรางวัลที่ เมสัน เมานท์ เคยได้รับ
เกียรติประวัติ
สโมสรเชลซี
- รางวัลชนะเลิศ การแข่งขัน เอฟเอ ยูธ คัพ ในฤดูกาล 2015–16 และฤดูกาล 2016–17
- รางวัลชนะเลิศ การแข่งขัน ยูฟ่า ยูธ ลีก ในฤดูกาล 2015–16
- รางวัลชนะเลิศ การแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก ในปี 2021

ทีมชาติอังกฤษ
• รางวัลชนะเลิศ การแข่งขัน ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในปี 2017
รางวัลส่วนตัว
• รางวัลทีมยอดเยี่ยม ประจำการแข่งขัน ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในปี 2017
• รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า ประจำการแข่งขัน ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในปี 2017
• รางวัลทักษะพิเศษ ของลีกเอเรดิวิซี ประจำเดือน มกราคม ในปี 2018
• รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ประจำสโมสรฟีเตสเซอ อาร์เนม ในฤดูกาล 2017–18
• รางวัลทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ของลีกเอเรดิวิซี ในฤดูกาล 2017–18