
ศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดที่ 2 โซนทวีปแอฟริกา นัดชี้ชะตาของ ทีมชาติอียิปต์ และ ทีมชาติเซเนกัล ที่หวนกลับมาพบกันอีกครั้งหลังฟาดฟันเอาชนะกันในศึก เจ้าแห่งทวีปแอฟริกา และในครั้งนั้นผู้ที่เฉือนเอาชนะไปได้ คือ ทีมชาติเซเนกัล แม้ในการแข่งขันรายการนี้ ในนัดแรก ทีมชาติอียิปต์ จะเป็นฝ่ายเอาชนะมาได้เมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยสกอร์ 1-0 แต่ใน เกมนัดที่ 2 ที่ ทัพมัมมี่ ขนขุนศึกพร้อมหน้าบุกไปยังสนาม เม อับดูลาย วาเด้ สเตเดียม ในกรุงดาการ์ ถิ่นของ ทัพสิงโตแห่งเตรังก้า เกมกลับพลิก เมื่อ เซเนกัล สามารถเอาชนะ อียิปต์ ด้วยการดวลจุดโทษอีกครั้ง แบบประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม
กุนซือ อาลิอู ซิสเซ่ ผู้นำ ทัพสิงโตแห่งเตรังก้า ต้องการคว้าชัยชนะในนัดที่ 2 นี้ คืนมาให้ได้ เพื่อที่จะได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก เป็นสมัยที่ 3 ซึ่งเคยเข้ารอบในปี 2002 และ 2018 หลังจากที่ในนัดแรกพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ กองทัพมัมมี่ 1-0 ซึ่งนำโดย กุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ ที่เปิดฉากแก้แค้นในนัดแรกได้สำเร็จ หลังเคยพ่ายแพ้ ให้กับ เซเนกัล จนชวดแชมป์จากศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อต้นปีไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหนทางที่จะเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2022 ของ อียิปต์ นั้นเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ก็จะได้เข้ารอบไปเป็นสมัยที่ 4 ซึ่งเคยเข้ารอบในปี 1934 , 1990 และ 2018 แต่สุดท้ายก็กลับพ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติเซเนกัล เหมือนเกมเมื่อต้นปีอีกครั้ง
โดยเกมดำเนินตามเวลาจนครบ 90 นาที ทัพสิงโตแห่งเตรังก้า สามารถเอาชนะ ทัพมัมมี่ ไปได้ 1-0 จากผลงานของ บูลาย เดีย ที่ซัดตุงตาข่ายตั้งแต่ 3 นาทีแรกของการแข่งขัน ทำให้สกอร์รวมทั้ง 2 นัด นั้นเท่ากัน 1-1 จึงต้องต่อเวลาพิเศษเพื่อให้แต่ละทีมทำสกอร์เอาชนะคู่แข่ง แต่ก็ไม่มีทีมใดที่จะสามารถทำสกอร์เพิ่มได้ จึงต้องทำการยิงจุดโทษชี้ชะตา โดยท้ายที่สุด ทีมชาติเซเนกัล ก็สามารถยิงจุดโทษได้อย่างแม่นยำกว่าเอาชนะ ทีมชาติอียิปต์ ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 ซึ่ง ซาดิโอ มาเน่ กลายเป็นฮีโร่ให้กับทีมเจ้าถิ่นอีกครั้ง หลังซัดประตูจุดโทษปิดท้ายให้กับทีม ส่ง กองทัพมัมมี่ กลับสู่ลุ่มแม่น้ำไนล์ และทำให้ ทีมชาติเซเนกัล ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ไปฟาดแข้งต่อใน ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ โดยจะทำการจับฉลากแบ่งกลุ่ม ในการแข่งขันรอบสุดท้ายอีกครั้งในวันที่ 1 เมษายนนี้ ที่ประเทศเจ้าภาพ
ซึ่งจากจังหวะดวลจุดโทษนั้น เป็นที่น่าเศร้าของแฟนบอล อียิปต์ ที่นักเตะกำลังหลักของทีม เจ้าของฉายา คิง ออฟ อียิปต์ อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่สามารถสังหารจุดโทษของคู่แข่งได้สำเร็จ แต่เพื่อนรักจากรั้ว แอนฟิลด์ ของเขา อย่าง ซาดิโอ มาเน่ กลับสวมบทฮีโร่ให้กับบ้านเกิด ซัดประตูสังหารปิดท้ายการยิงจุดโทษไปได้อย่างสำเร็จ จนพาทีมเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลกไปได้ ซึ่งในจังหวะหลังจากยิงจุดโทษนี้นี่เอง ที่แฟนบอลของฝั่ง เซเนกัล พากันกรูเข้ามาในสนามเพื่อจะเข้าทำร้ายนักเตะจาก อียิปต์ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้ามาคุ้มกันนักเตะทีมเยือนออกนอกสนามเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เป็นเป้าหมายตัวหลักของแฟนบอล เซเนกัล เนื่องจากตลอดทั้งเกม ซาลาห์ ได้โดนแฟนบอลในสนามใช้เลเซอร์สีเขียวยิงเข้าที่ใบหน้า และตามตัวตลอดเวลา โดยเฉพาะในจังหวะที่ ซาลาห์ ต้องยิงจุดโทษ แฟนบอลกลับเหิมเกริมหนักด้วยการ ยิงแสงเลเซอร์เข้าที่ตาของเขา จึงเป็นเหตุที่ทำให้แข้งดาวยิงจาก หงส์แดง ยิงพลาดข้ามคานออกไป
อย่างไรก็ตาม สมาคมฟุตบอลอียิปต์ (EFA) ไม่ขอทนต่อเหตุการณ์ที่ ทีมชาติอียิปต์ โดนคุกคามจากแฟนบอล เซเนกัล ได้ส่งจดหมายร้องเรียนไปยัง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) และ สหพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา (CAF) ว่า ทีมชาติของพวกเขา โดนแฟนบอลเจ้าถิ่นคุกคามอย่างหนักทั้งก่อน และ หลังแข่งขัน โดยทาง EFA ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า มีแฟนบอล เซเนกัล เข้ามาชมเกมในสนามเต็มความจุ ประมาณ 50,000 ที่นั่ง เมื่อรถบัสของ ทีมชาติอียิปต์ ได้เข้ามาถึงสนาม แฟนบอลบางกลุ่มกลับขว้างปาขวดเข้าใส่รถบัสจนได้รับความเสียหาย และทำให้นักเตะเสียขวัญกำลังใจ ซึ่งทาง สมาคมฟุตบอลอียิปต์ ได้มีหลักฐานเป็นภาพและวิดีโอจากอินสตาแกรม อีกด้วย
นอกจากนี้ EFA ได้ร้องเรียนไปยัง FIFA และ CAF อีกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กัปตันทีม เดอะ ฟาโรห์ ของพวกเขา ได้โดนแฟนบอล เซเนกัล แสดงการเหยียดเชื้อชาติผ่านแผ่นผ้าของกองเชียร์ในสนามก่อนเกมเริ่มขึ้นด้วย และไม่เพียงเท่านั้น กัปตันดาวยิงของพวกเขายังโดนคุกคามอย่างหนัก ด้วยการที่โดนแฟนบอลเจ้าถิ่นยิงแสงเลเซอร์เข้าตามใบหน้า และที่ตัว เพื่อรบกวนสมาธิตลอดการแข่งขัน หนำซ้ำยังยิงแสงเลเซอร์เข้าที่ดวงตาก่อนที่ ซาลาห์ จะยิงลูกโทษ จนทำให้การยิงของเขาผิดพลาดไปในที่สุด และเมื่อเกมจบ แฟนบอลเหล่านั้น ยังคึกคะนองกันอย่างหนักด้วยการรุมปาสิ่งของ และพยายามวิ่งลงมาทำร้ายนักเตะทีมชาติอียิปต์ โดยมี ซาลาห์ เป็นเป้าหมายหลัก จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสนาม ต้องเข้ามาพา นักเตะมัมมี่ ออกนอกสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งต่อมา ออกุสติน เซนยอร์ ประธาน สหพันธ์ฟุตบอลเซเนกัล (FSF) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น รองประธาน สหพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา (CAF) อีกด้วย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“ ผมอยู่ที่อัฒจันทร์ แต่ผมไม่ได้สนใจรอบข้างเลยว่ามีการปาสิ่งของอะไรบนนั้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่อง เลเซอร์ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ใน เซเนกัล มาก่อน เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเรื่องแบบนี้ใน เซเนกัล แต่เราต่างรู้ดีว่าที่ ไคโร นั่นแหละ ที่มีการใช้เลเซอร์ และพวกเขาใช้มันอยู่บ่อยๆอีกด้วย ซึ่งถ้าหากถามความคิดเห็นของผม เกมที่พวกเขาร้องเรียนนั้น ไม่มีเหตุการณ์ไหนเลยที่เข้าข่ายคุกคาม พวกคุณก็รู้ดีนี่ เซเนกัล ขึ้นชื่อเรื่องการต้อนรับที่ดีอยู่แล้ว ”
ซึ่งจากการยื่นจดหมายร้องเรียนของ สมาคมฟุตบอลอียิปต์ (EFA) ในครั้งนี้ คณะกรรมการด้านวินัยของ FIFA กำลังได้ดำเนินการพิจารณา วิเคราะห์ และสอบสวน ถึงสถานการณ์ดังกล่าว และจะทำการตัดสินในภายหลังอีกครั้ง ว่าควรดำเนินการเช่นไรต่อไป