อนาคตของ สโมสรเชลซี ยังคงไม่มีความแน่นอนว่ากลุ่มทุนใดจะได้เข้ามารับตำแหน่งเจ้าของคนใหม่แทนที่ โรมัน อบราโมวิช ที่โดนรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตร และสั่งอายัดทรัพย์สินที่มีทั้งหมดบนเกาะอังกฤษ รวมถึงสโมสรเชลซี ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ อบราโมวิช หวงแหนมากที่สุด เหตุเพราะ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เจ้าของฉายา เสี่ยหมี คนนี้ มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน และโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนกองทัพรัสเซีย บุกเข้าโจมตีประเทศยูเครน ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับบาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก จนเกิดการคว่ำบาตรรัฐบาลรัสเซียทั่วโลก และทำให้สโมสรเชลซีตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากเมื่อรัฐบาลเมืองผู้ดีประกาศอายัดทรัพย์สินเช่นนี้ ทำให้สโมสรที่ประกาศขายไปในตอนแรกก็โดนระงับการซื้อขายไปด้วยเช่นกัน หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ทัพสิงห์บลู จะถูกเข้าควบคุมกิจการทั้งหมด และจะต้องโดนหักคะแนนไปถึง 9 คะแนน ซึ่งมีผลต่อการแข่งขันอย่างมาก โดยอันดับของทีมเชลซี ในตารางพรีเมียร์ลีกในขณะนี้ พวกเขาทำคะแนนมาเป็นอันดับที่ 3 ของตาราง และทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด โดยใน 5 นัดหลังสุด พวกเขาไม่แพ้ให้ทีมใดเลย
ต่อมาทางรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร ได้อนุโลมโดยให้กลุ่มทุนต่างๆได้ยื่นเสนอชื่อเข้ามาขอซื้อสโมสร เพื่อเป็นเจ้าของคนใหม่แทนที่ อบราโมวิช แต่ทั้งนี้รายได้ที่ได้จากการขายสโมสรในครั้งนี้ เสี่ยหมี จะไม่มีสิทธิ์ในรายได้ทั้งหมด จึงทำให้กลุ่มทุนต่างๆได้เข้ามายื่นข้อเสนอมากมายหลายเจ้า อาทิ ซาอุดี มีเดีย กลุ่มทุนสื่อที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง , กลุ่มทุน Boehly-Wyss-Goldstein (กลุ่มทุนของ 3 มหาเศรษฐี ท็อดด์ โบห์ลี , ฮันส์ยอร์ก วีสส์ , โจนาธาน โกลด์สไตน์) , นิค แคนดี้ มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มทุนทั้งหมดได้ยื่นข้อเสนอ และรอคอยการประกาศผลอีกครั้งว่าใครจะได้เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ของ สโมสรเชลซี
ซึ่งการเคลื่อนไหวล่าสุดก็คือ จอห์น เทอร์รี่ อดีตกัปตันคนดังในตำนานของทัพสิงห์บลู ที่ในตอนนี้เขาได้กลับเข้ามาทำงานในสโมสรเดิมอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ในฐานะที่ปรึกษาทางด้านผู้ฝึกสอนนักฟุตบอล โดยอดีตกองกลางในตำนานของเชลซีวัย 41 ปี และ แคลร์ ราฟเฟอร์ตี้ อดีตนักฟุตบอลหญิงของเชลซีเช่นกัน ได้เสนอตัวร่วมกันเป็นผู้นำในนามกลุ่ม “ทรู บูล (True Blue)” เพื่อขอซื้อหุ้นเป็นจำนวน 10% จากผู้ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรคนใหม่ของ เชลซี ด้วยจำนวนเงินมูลค่ากว่า 250 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 11,062 ล้านบาท ซึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ พวกเขาได้รับการสนับสนุนจาก “เชลซี พิทช์ โอนเนอร์ (Chelsea Pitch Owners , CPO)” ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร มีหุ้นเป็นเจ้าของสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ และ “ เชลซี ซัพพอร์ตเตอร์ส ทรัสท์ (Chelsea Supporters Trust) ” กลุ่มกองเชียร์ แฟนบอลของสโมสรเชลซี โดยจุดประสงค์ของการขอเข้าซื้อหุ้น 10% นี้ เพื่อต้องการให้แฟนบอลของสโมสรแห่ง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้มีตัวแทนไปอยู่ในบอร์ดบริหารของทีม เพื่อร่วมตัดสินใจในกิจการงานต่างๆ เพื่อพัฒนาสโมสรให้ก้าวต่อไปในอนาคต โดย จอนห์ เทอร์รี่ 1 ในแกนนำของกลุ่ม ทรู บูล ได้แถลงการณ์ว่า
“ สโมสรเชลซี แห่งนี้ มีความผูกพันและสำคัญกับชีวิตของผมมาอย่างยาวนานกว่า 22 ปีแล้ว ผมต้องการปกป้องประวัติศาสตร์ และ ธรรมเนียม อันเปรียบเสมือนมรดกของสโมสรอันเก่าแก่แห่งนี้ ที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่มือเจ้าของคนใหม่ ให้กับผู้ที่มีความคิดเฉกเช่นเดียวกัน ผู้มีวิสัยทัศน์ที่จะเข้ามาทำประโยชน์สูงสุดให้กับสโมสรในระยะยาว และผู้ที่เข้าใจถึง DNA ของสโมสรเชลซีอันเป็นที่รักแห่งนี้ว่าเป็นอย่างไร และสำคัญแค่ไหน
และเมื่อผมได้เข้าไปพบปะพูดคุยกับทุกคนในกลุ่ม ทรู บูล ผมก็ทราบได้ในทันทีว่า พวกเขานี่แหละเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในตัวสโมสรเชลซีมากที่สุด พวกเขาเป็นกลุ่มแฟนบอลของเชลซี เรียกได้ว่าเป็นมาตลอดชีวิตก็ว่าได้ พวกเขาเป็นผู้ที่ถือตั๋วรายปีอย่างเหนียวแน่น ทั้งยังได้เสนอแนวทางที่จะเข้าไปช่วยเหลือสโมสรอันเป็นที่รักแห่งนี้ เกี่ยวกับการบริหาร โดยนำเสนอให้มีการเพิ่มกลุ่มแฟนบอลเข้าไปยังกลุ่มบอร์ดบริหารด้วย เพื่อมีส่วนร่วมและเป็นปากเสียงให้กับกลุ่มแฟนบอลได้ร่วมกันขับเคลื่อน เชลซี ต่อไป จึงกล่าวได้ว่ากลุ่ม ทรู บูล นี้ ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อ ปกป้องสโมสรเชลซีของเราโดยแท้จริง
ผมต้องขอขอบคุณกลุ่ม CPO กลุ่มเจ้าของสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ รวมไปถึงกลุ่ม เชลซี ซัพพอร์ตเตอร์ส ทรัสท์ กลุ่มแฟนบอลของสิงห์บูล ที่ได้ให้การสนับสนุนในครั้งนี้เป็นอย่างดี และพวกเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนรายใหม่ที่จะก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของ สโมสรเชลซี ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ”
โดยมีรายงานเพิ่มเติมจาก Goal สื่อชื่อดังได้ระบุว่า ข้อเสนอที่กลุ่ม ทรู บูล ที่มี จอห์น เทอร์รี่ เป็น 1 ในผู้นำได้ยื่นข้อเสนอ มีอยู่ว่า จะอนุญาตให้นักเตะ , อดีตพนักงานของสโมสร รวมถึง แฟนบอล สามารถมีสิทธิ์โหวต และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในกิจการงานของสโมสร หากพวกเขาเหล่านี้เข้าซื้อเหรียญ แฟน โทเคน (Fan Token) ซึ่งเป็นทรัพย์สินในรูปแบบดิจิทัล แบบใหม่ที่กำลังมาแรงและนิยมกันมากในหมู่นักลงทุนในปัจจุบัน โดยกลุ่ม ทรู บูล มีการตั้งราคาไว้ที่มูลค่า 100 ปอนด์ หรือราวๆ 4,400 บาท ขึ้นไป ให้กับผู้ที่สนใจได้ลงทุนและได้รับสิทธิ์ในการแต่งตั้งตัวแทนต่อไป